ทุกคนเชื่อไหมว่าหลายปัญหาในทุกองค์กรที่เป็นอันดับต้น ๆ มาจาก “คน” เพราะในทุก ๆ สังคมล้วนมีคนเป็นตัวขับเคลื่อนองค์กร สังคม และธุรกิจ เพราะฉะนั้นเราจึงมีปัญหามาจากคนเป็นลำดับแรก ๆ ซึ่งแต่ละคนก็มีการเติบโตมาจากสังคม วัฒนธรรมที่แตกต่างกัน การนำคนมารวมกันในที่ ๆ เดียว ย่อมมีปัญหาเกิดขึ้นแน่นอน เพราะแต่ละคนก็มีความคิดเป็นของตนเอง ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น จะเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ทำตาม ไม่ทำตาม จะเป็นอย่างไรย่อมอยู่ที่การ “บริหารจัดการคน”

เพราะหากเราไม่สามารถบริหารจัดการคนได้ ธุรกิจของเราอาจจะสะดุด หรือย่อมมีปัญหาเกิดขึ้นแน่นอน ไม่ว่าปัญหานั้นจะเป็นปัญหาเล็กหรือใหญ่ ย่อมเป็นสิ่งที่ผู้บริหาร ผู้จัดการ หรือเจ้าของต้องมาปวดหัวแน่นอน เพราะหากคนไปธุรกิจอาจไปต่อไม่ได้ แต่จะทำยังไงให้เราสามารถจัดการคนได้ วันนี้ PA Academy เรามีแนวทางบริหารคนอย่างง่าย ๆ ที่ผู้บริหารมือใหม่ หรือผู้จัดการ หัวหน้าทุกระดับก็สามารถนำไปปรับใช้กับคนในทุกองค์กร ทุกธุรกิจได้อย่างแน่นอน นั่นคือ “DISC Model

DISC Model คืออะไร

DISC Model เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการ เข้าใจคน เรียนรู้คน และบริหารคน ให้ตรงกับพื้นฐานของคน ๆ นั้น ข้อมูลจาก HREX.asia กล่าวว่า DISC มีจุดเริ่มต้นที่ ดร. วิลเลียม มาร์สตัน (Dr. William Marston) ศาตราจารย์ชื่อดัง จบการศึกษาระดับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สาขาจิตวิทยา และเป็นนักทฤษฏีเกี่ยวกับความเสมอภาค ที่สำคัญเป็นเจ้าของทฤษฏี DISC Model ที่ได้ตีพิมพ์ในหนังสือ ‘Emotion of Normal People’ ซึ่งได้พูดถึงกระบวนการทำงานของอารมณ์ความรู้สึกในคนปกติที่นำไปสู่ลักษณะพฤติกรรมที่มีความหลากหลาย

และจากทฤษฏีของ ดร.วิลเลียม ดังกล่าว วอลเตอร์ คลาร์ก (Walter Clark) นักจิตวิทยาอุตสาหกรรมก็ได้นำทฤษฏีนี้ไปสร้างเป็นแบบทดสอบโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการคัดเลือกบุคลากรเข้าสู่องค์กร ซึ่ง 4 รูปแบบพฤติกรรมที่วอลเตอร์ใช้เรียกในแบบทดสอบคือ Aggressive, Sociable, Stable และ Avoidant และจากจุดเริ่มต้นตรงนี้ก็มีอีกหลายคนที่ได้พัฒนา ได้ทำการวิจัยต่อยอดจนกลายมาเป็นแบบทดสอบ DISC ซึ่งเป็นที่ยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน

จำเป็นอย่างไรกับองค์กร

อย่างที่กล่าวไปว่า DISC เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ใช้ในการอ่านคนว่าคนๆนั้น เป็นคนประเภทไหน มีจุดอ่อน จุดแข็ง จุดที่น่ากังวล และจุดที่ต่อยอดได้ดีคืออะไร เพราะฉะนั้นหากหัวหน้างาน หรือผู้บริหาร ที่มีความเข้าใจเรื่องนี้ จะสามารถบริหารจัดการลูกน้องของเราได้อย่างง่ายดาย เพราะเราจะรู้แล้วว่า ลูกน้องของเราเป็นคนประเภทไหน ชอบสไตล์การสั่งงานแบบไหน ชอบการพูดคุยแบบไหน มีอะไรที่เราในฐานะหัวหน้าต้องระวังในการสื่อสารหรือไม่ เพราะหากเราไม่ได้เรียนรู้ในเรื่องนี้ สิ่งที่ตามมา คือการสื่อสารของเรากับลูกน้องหรือสมาชิกในทีม อาจจะมีปัญหาได้ เพราะคนทุกคนไม่สามารถสื่อสาร และรับสารได้เหมือนกัน ในฐานะผู้นำเป็นสิ่งที่เราจำเป็นจะต้องเข้าในในเรื่องในก่อน

เริ่มต้นที่เข้าใจคน และเรียนรู้คนไปด้วยกัน

ท่านใดที่อยากเข้าใจสมาชิกในทีม หรือลูกน้องของเรานั้น ขอให้เริ่มต้นง่าย ๆ ที่ความเชื่อของเราก่อน คือเราต้องมีความ “เชื่อ” ที่ว่าคนทุกคนไม่เหมือนกัน คนทุกคนมีข้อแตกต่างที่เราจะต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจ สุดท้ายคือเราต้อง “อยาก” ที่จะเรียนรู้คน ๆ นั้นจริง ๆ เพื่อให้ผลสุดท้ายเกิดที่ผลลัพธ์ในการทำงานที่มีประสิทธิภาพของทีมเรามากยิ่งขึ้น เพราะหากเราในฐานะหัวหน้า ไม่เชื่อ และไม่อยาก ผลลัพธ์อาจจะไม่เกิดขึ้นก็เป็นไปได้ (หากจะเปลี่ยน ต้องเริ่มที่ผู้นำก่อนนะ 🙂 )

DISC Model แบ่งคนเป็น 4 ประเภท

แบบที่บอกไปว่า DISC คือการแบ่งประเภทคนออกเป็น 4 ประเภทคือ Dominance, Influence, Steadiness และ Compliance ซึ่งจริง ๆ แล้วทุกคนอาจมีหลายลักษณะอยู่ในตัวเองก็ได้ แต่จะมีอย่างเดียวที่ปรากฎออกมาชัดเจน นั่นก็คือ ‘จุดเด่น’ ของเรา สามารถสังเกตได้จากพฤติกรรมการทำงานว่าแต่ละคนมีจุดเด่นในการทำงานอย่างไร หรือมีข้อจำกัดอะไรบ้าง โดย DISC Model คือสิ่งที่สามารถวัดพฤติกรรมการทำงานของมนุษย์ได้ และเรานำมาใช้ต่อยอดเพื่อพัฒนาตัวเองต่อไปได้

ลักษณะของคนแต่ละประเภท

คนประเภทที่ 1 : Dominace (กระทิง)

ชาว Dominance แน่นอนว่ามีลักษณะนิสัยตามชื่อกลุ่ม จะมีพฤติกรรมการทำงานประเภทชอบความท้าทาย ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ความมั่นใจในตัวเองสูง ไม่ชอบการบังคับ หรืออยู่ในกฎเกณฑ์มากเกินไป เป็นคนเด็ดขาด ชอบความรวดเร็ว และไม่ชอบงานที่มีระบบระเบียบขั้นตอนเยอะ ด้วยพฤติกรรมการทำงานแบบนี้จึงทำให้ขาดความรอบคอบ จึงอาจทำให้เกิดความผิดพลาดในส่วนเล็กส่วนน้อยเสมอ

ข้อควรระวัง : ด้วยความที่เป็นคนมั่นใจสูงก็จะมีอีโก้สูง ไม่ยอมฟังใคร มองว่าตัวเองเป็นผู้นำ แต่ลักษณะของผู้นำที่ดี นอกจากพาทีมไปยังเป้าหมายได้สำเร็จแล้ว ก็ยังต้องฟังคำเตือน หรือข้อเสนอแนะของคนอื่นด้วย

คนประเภทที่ 2 : Influence

ชาว Influence คือมนุษย์โลกสวย เดินเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์อย่างแท้จริง มีความคึกคัก สนุกสนาน ชอบสร้างสีสันและเข้าสังคม และจะมีความกระตือรือร้นมาก มองโลกในแง่ดีและเป็นที่รักของทุกคนในออฟฟิศ เรียกได้ว่ามีพฤติกรรมการทำงานที่ไม่เน้นการทำงาน เพราะเน้นการสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับออฟฟิศ ทำให้เพื่อนร่วมงานสนุกอยู่เสมอ

ข้อควรระวัง: เป็นคนที่มักจะปฏิเสธคนไม่เก่ง และมักจะไว้ใจคนอื่นมากเกินไป ด้วยสกิลการโน้มน้าวใจคน อาจจะโดนหมั่นไส้เพราะเป็นจุดเด่นอยู่เสมอ

คนประเภทที่ 3 : Steadiness

ชาว Steadiness ผู้รักความสงบจะมีพฤติกรรมนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว ใจเย็น เป็นผู้รับฟังที่ดี เสมอต้นเสมอปลาย ยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์พาไป ยืนหนึ่งเรื่องมีไหวพริบดี ชอบความเป็นขั้นเป็นตอนของการทำงาน ซึ่งถือว่าเป็นเพื่อนร่วมงานกลุ่มที่ควรเอามาร่วมทีมด้วยที่สุด 

ข้อควรระวัง: เนื่องจากชาว Steadiness ไม่ชอบความวุ่นวาย ชอบอยู่ในเซฟโซนของตัวเอง และไม่ชอบความขัดแย้ง ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงอะไรที่กะทันหัน และมักถูกมองว่าเป็นคนเอื่อย ๆ ไม่พัฒนาตัวเอง ชอบยึดติดกับอะไรเดิม ๆ

คนประเภทที่ 4 : Compliance

นักวิเคราะห์และ perfectionist อันดับหนึ่งอย่างชาว Compliance จะมีนิสัยเหมือนเป็นนักวางแผน ทำอะไรต้องวางแผนเสมอ และต้องเป็นขั้นเป็นตอน มีความรอบคอบ ช่างสังเกต ชอบอะไรที่ซับซ้อน และทุกอย่างต้องเป๊ะ จะเป็นกลุ่มที่คิดล่วงหน้าเสมอเพื่อจะประเมินความเสี่ยงที่จะเกิด และชอบวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ 

ข้อควรระวัง: หลายคนอาจะมองว่าคนกลุ่มนี้จู้จี้จุกจิกเกินไป และการที่ต้องวางแผนให้ชัดเจนทุกกระเบียดนิ้วก่อนที่จะทำอะไรอาจจะทำให้พลาดโอกาสดี ๆ ได้เช่นกัน บางครั้งก็ควรจะลองเสี่ยงดูบ้าง จริง ๆ เพราะการขี้ระแวงก็เป็นข้อดี และก็เป็นข้อเสียได้เช่นกัน

คนทุกคนย่อมมีความแตกต่าง จงใช้ความแตกต่าง เพื่อแต่ยอดความเก่งของเขา และทีม เพื่อการเติบโตของเราทุกคน

โค้ชเติ้ล ธนชัย ห้วยระหาญ

DISC ง่าย ๆ แค่สังเกต

อย่างที่เราเห็นนะครับว่าคนแต่ละประเภทนั้นจะมีจุดเด่นของแต่ละคนที่เราสามารถสังเกตได้ (ไม่ใช่จับผิดนะ) แต่หากเราสังเกตแล้ว ยังไงก็ยังไม่รู้สักทีว่าเขาคนนั้นเป็นคนประเภทไหน ทุกท่านสามารถลองทำแบบทดสอบ DISC Model โดยคลิกที่นี่ เพื่อทำแบบทดสอบได้เลย เราก็พอจะรู้ได้ว่า คนนั้นเป็นคนประเภทไหน หรือแม้กระทั่งเราเอง เป็นคนประเภทไหน

ใช้ DISC เป็นเครื่องมือในการบริหารคน อย่างเข้าใจ

สุดท้าย DISC Model เป็นเพียงแค่เครื่องมือหนึ่งในหลากหลายเครื่องมือที่จะใช้ในการเรียนรู้คนอย่างง่าย ๆ โดยใจหลักที่เราต้องเข้าใจก่อนคือ คนทุกคนมีทั้ง 4 ประเภทอยู่ในตัวของเราทั้งนั้น เพียงแค่ช่วงเวลานั้น เหตุการณ์นั้นเรามีพฤติกรรมแบบไหนที่ส่งผลออกมา โดยปกติเราจะมี 2 ประเภทที่เด่น ๆ อยู่ในตัวเราอยู่แล้ว และเมื่อเวลาผ่านไปไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะเห็นว่าผลทดสอบของเรามันเปลี่ยนไป เพราะสุดท้ายแล้วเราจะเป็นคนประเภทไหนก็ได้ หากเรารู้ตัวเอง เราจะเลือกประเภทนั้น ๆ มาใช้ในเหตุการณ์นั้น ๆ ได้อย่างมีประโยชน์เลย


สุดท้ายนี้ องค์กร บริษัทไหนที่อยากจะให้เราเข้าไปช่วยในการไขปัญหาของเรื่อง “คน” PA Academy เรามีบริการในการ In House Traning ของทุกองค์กร เรายินดีเข้าไปช่วยในการบริหารจัดการคน จากความเชี่ยวชาญของเรา สามารถติดต่อได้ที่ Line ID : @paacademy (ตลอด 24 ชั่วโมงเลย) เพราะเรื่องคนเรารอไม่ได้